รกม้า Horse รกแกะ Sheep พลาเซนต้า (Placenta) คืออะไร |
|
พลาเซนต้า คือ
พลาเซนต้า (Placenta) คือ รกของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เป็นส่วนที่เชื่อมต่อจากสะดือ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการสร้างเซลล์ของสิ่งมีชีวิตเพื่อเลี้ยงดูตัวอ่อนให้เจริญเติบโต และยังมีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวอ่อนด้วย พลาเซนต้าสามารถสร้างกรดอะมิโน เกลือแร่ และ สารอาหารที่สำคัญและจำเป็นในการสนับสนุนให้กำเนิดชีวิตและซ่อมเซลล์ส่วนที่ เสียหายได้ ในอดีตตั้งแต่สมัยโบราณ หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสาวงามที่สุดในสมัยก่อนอย่าง คลีโอพัตราก็ยังได้นำพลาเซนต้าหรือที่เรียกว่า"รก"ในสมัยนั้นมาใช้ในการบำรุงผิวพรรณเพื่อความงาม หรือแม้แต่ชาวจีนก็ยังรู้จักใช้รกเป็นยาอายุวัฒนะมายาวนานกว่าพันปี Placenta จึงคล้ายกับโอเอซีสหรือแหล่งน้ำท่ามกลางทะเลทราย ช่วยทำให้ดินที่แตกระแหง หรือ ผิวหนังที่เหี่ยวย่นชุ่มชื้น ความเครียดจากการทำงานหนัก ร่างกายเสื่อมโทรมลงด้วยหลายสาเหตุ ยิ่งดื่มจัด เที่ยวดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ ร่างกายจะเสื่อมโทรมลง แก่ก่อนวัย ทั้งนี้เนื่องจาก เซลล์ใหม่เกิดทดแทนเซลล์ที่ตายและ เสียหายไม่ทัน ประโยชน์ของ Placenta สารสกัดจาก Placenta ไม่มีฮอร์โมนอื่นใดเป็นพิเศษ มีแต่เพียงสารอาหารที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ที่คอยอนุบาลทารก เป็นสารอาหารที่คนสูงอายุขาดแคลนมานาน แม้ว่าจะไม่มีฮอร์โมนใด แต่สารสกัดจากรกกลับกระตุ้นให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนได้เอง และ มีระดับใกล้เคียงกับวัยหนุ่มสาว เช่น HSG, HPL, HCT, HCC, ACTH, DHEA และ เอนไซม์ เป็นต้น สารอาหารจาก Placenta คืนความสมดุลของกรดและด่างในเลือด ทำให้ของเสียจากเซลล์ถูกขับถ่ายออกมา เลือดไหลเวียนดีขึ้น อวัยวะทำงานดีขึ้น การมองเห็นเด่นชัด ด้วยกรดอะมิโนที่สำคัญและจำเป็นที่กระตุ้นให้ร่างกายสร้างเซลล์ขึ้นใหม่ สรุปประโยชน์ของ พลาเซนต้า ดังนี้ 1. กระตุ้นให้เกิดการผลัดเซลล์ผิวใหม่ บำรุงเซลล์ผิวหน้าให้เปล่งปลั่ง ลดรอยเหี่ยวย่น ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย 2. ปกป้องสภาพผิวไม่ให้แห้งกร้าน สร้างความกระชับให้กับผิวหน้าดูเต่งตึงขึ้น 3. ลดรอยด่างดำ ฝ้าและกระบนใบหน้า รวมทั้งปรับเซลล์สีผิวให้เรียบเนียนดูสม่ำเสมอ 4. เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับสภาพผิว ช่วยลดอาการบวมบริเวณใต้ดวงตา 5. กระตุ้นการสมานเซลล์ผิวอันเกิดจากแผลต่างๆ รวมทั้งแผลเป็นได้อีกด้วย 6. เพิ่มความสดใสให้กับผิวที่แห้งกร้านจากแสงแดด และ UV 7. สร้างความเชื่อมั่นให้กับผิวหน้าอีกครั้ง และปลอดภัยจากสารเคมีที่เป็นพิษ เพราะพลาเซนต้าสกัดบริสุทธิ์จากธรรมชาติ นุ่มละมุนด้วยโมเลกุลของน้ำ เพื่อช่วยดูดซึมและกระชับผิวให้แข็งแรง 8. ลดริ้วรอยหมองคล้ำก่อนวัย 9. ฟื้นฟูสภาพผิวให้บริสุทธิ์ สดใส 10. เสริมสร้าง ดูแล และลบเลือนจุดด่างดำบนใบหน้า 11. สามารถรับประทานได้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน Mr. Yoshida Kentaro ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Yoshida Clinic และ Mr. Amano Hiroyuki ผู้อำนวยการโรงพยาบาล Ameba Anti-aging ได้ทำการรายงานผลการทำงาน Placenta ไว้ดังนี้ (1) ช่วยกระตุ้นให้ผิวพรรณขาว เนียน สวย (2) ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด (3) ช่วยการหายใจของเซลล์และสร้างเนื้อเยื่อ Metabolism (4) ช่วยต้านการอักเสบ (5) ต้านภูมิแพ้ (6) เสริมสร้างเม็ดเลือด (7) ช่วยการทำงานของตับ (8) ช่วยลดความอ่อนล้าของร่างกาย (9) การกำจัดออกซิเจนที่ไม่จำเป็น 1.ช่วยให้ผิวขาว เนียน สวย ช่วยแก้ไขผิวแห้ง ผิวหยาบกร้าน 2.ช่วยรักษาการอักเสบของผิว 3.ช่วยให้ผิวที่เป็นรอยแผลให้จางหาย และช่วยลดปัญหา สิว กะ รอยด่างดำ และผดผื่น 4.ช่วยกระตุ้นการทำงานเซลล์ของอวัยวะในร่างกายเช่นตับเป็นต้น 5.ป้องกันมะเร็ง 6.ป้องรอยเหี่ยว ย่นของผิวพรรณ(กับอายุที่เพิ่มขึ้น) 7.ช่วยลดอาการภูมิแพ้ 8.ช่วยต่อต้านโรคติดต่อ 9.เพิ่มเกร็ดเลือด 10.ช่วยการปรับตัวการทำงานของประสาทโดยอัตโนมัติ 11.ช่วยการหลั่งฮอลโมนให้สม่ำเสมอ 12.เสริมสร้างน้ำนมแม่ 13.ปรับสภาพร่างกายให้ได้รับสารอาหาร 14.ช่วยการขับปัสสวะ ปรับสภาพการทำงานของตับ และสร้างเม็ดเลือด 15.ช่วยให้ประจำเดือนมาปกติ โรคเบาหวานและร่างกายที่สึกหรอตามวัย 16.สร้างน้ำนมให้เด็กทารก และ เด็กในครรภ์ 17.ช่วยให้ร่างกายฟื้นคืนหลังการเจ็บป่วย หรือร่างกายหมดแรง 18.ช่วยบรรเทาโรคไต และ โรคริดสีดวง 19.ช่วยบรรเทาแผลในกระเพาะอาหารและแผลในลำไส้ 20.ช่วยลดปัญหาการอักเสบของช่องปากและฟัน 21.ช่วยลดปัญหาท้องอืด 22.ลดปัญหากลิ่นตัว จากที่กล่าวมาแล้วเบื้องต้น ว่ามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลจากการใช้ นั้นมีมากขนาดไหน และยังนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ด้านความสวยความงามอย่างแพร่หลาย ผลจากการรักษาอาการความเจ็บป่วยของร่างกายจากเส้นเลือดสมองตีบ หรือ รักษาอาการความเจ็บป่วยของร่างกายจากเส้นเลือดหัวใจตีบ หรือ การรักษาบาดแผลให้หายได้โดยเร็วนั้น เกิดจากการเข้าไปช่วยกระตุ้นให้เลือดในร่างกายหมุนเวียนได้ดีขึ้นนั่นเอง จากผลการวิจัยล่าสุด พบว่า ยังช่วยให้เลือดในสมองหมุนเวียนได้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน จากตำราทางการแพทย์ "Bencao Gangmu" สมัยราชวงศ์หมิงของประเทศจีน ได้แนะนำการใช้ Placenta ไว้ จากประวัติแพทย์ที่ใช้ Placenta รักษาทางการแพทย์ ที่ประเทศรัสเซีย โดย Dr.Filatou สมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้นำ Placenta เก็บรักษาไว้ในที่ควบคุมอุณหภูมิต่ำเป็นระยะเวลามากกว่า 1 สัปดาห์ นำไปฝังในร่างกายสำหรับฆ่าเชื้อโรคเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ประเทศญี่ปุ่นได้รับการถ่ายทอดเรื่องนี้จากศาสตราจารย์ Hieda Kentaro แห่งมหาวิทยาลัย Kurume คณะแพทย์ศาสตร์ โดยศาสตราจารย์ Hieda ได้ทำการการทดสอบประสิทธิภาพการรักษาด้วยฝังเข้าไปในร่างกาย และทำการวิจัยเพิ่มเติมการสกัด Placenta ให้เป็นผงเพื่อนำไปเป็นวัคซีนฉีดยา Placenta ช่วยกระตุ้นการทำงานของตับศาสตราจารย์ Hieda ค้นพบว่า วัคซีนที่สกัดมาจาก Placenta ช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ และ ช่วยรักษาโรคตับแข็ง และได้รับการรับรองด้านยาเวชภัณฑ์ "LAENNEC" จากกระทรวงสาธารณสุขเมื่อปี 1959 และยาเวชภัณฑ์ "MELSMON" ที่ใช้ในการรักษาในฐานะคุณสมบัติ Placenta ช่วยกระตุ้นน้ำนมแม่ที่ไม่เพียงพอ และ ช่วยฟื้นฟูร่างกายที่สึกหรอตามวัยที่สูงขึ้น Placenta ยังใช้เป็นส่วนผสมหลักด้านผลิตภัณฑ์ความงามส่วนของ Collagen ที่ใช้กันมานาน |
|