เข้าชม :
332
กฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่กดดันกำไรบจ.ปีนี้ลดลง กลุ่มแบงก์โดนหนักสุด |
โพสต์เมื่อ: วันพฤหัสบดี 11 เมษายน 2562 11:10 น.
-นสพ.รายงาน กฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่กดดันกำไรบจ.ปีนี้ลดลง คาดมีรายจ่ายตั้งสำรองเพิ่มขึ้น 2.62 หมื่นล้านบาท กลุ่มแบงก์โดนหนักสุด 1.07 หมื่นล้านบาท กระทบงบไตรมาส 1-2 KTB, KBANK, SCB และ BAY ตั้งกันอ่วม ส่วนแบงก์กรุงเทพ, เกียรตินาคิน สำรองครบแล้ว ด้านปตท.ยอมรับ Q2 บริษัทลูกสำรองท่วม 2.9 พันล้านบาท
อ่านต่อได้ที่ : https://www.ryt9.com/s/iq05/2978124 ------------------------------ เปิดสิทธิประโยชน์ กฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ เพิ่มสิทธิ์ลูกจ้างอะไรบ้าง ? พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน 2562 ประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้ว ! พร้อมเพิ่มสิทธิประโยชน์ลูกจ้างเพียบ มาเช็กเลยว่ามีสิทธิ์อะไรที่ดีกว่าเดิมบ้าง ถือเป็นข่าวดีของลูกจ้างและมนุษย์เงินเดือนกันเลย เมื่อล่าสุดวันที่ 5 เมษายน 2562 ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศให้พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 เป็นกฎหมายเรียบร้อยแล้ว โดยมีประเด็นสำคัญคือการเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ให้ดีกว่าเดิม ส่วนจะเพิ่มสิทธิ์อะไรให้ลูกจ้างบ้างนั้น วันนี้เราสรุปรายละเอียดมาฝาก • กรณีเลิกจ้าง เพิ่มอัตราค่าชดเชยกรณีเลิกจ้างให้กับลูกจ้างที่ทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป เป็น 400 วัน จากเดิม 300 วัน โดยจะได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่า 75% ของค่าจ้างในวันทำงาน ทำให้ปัจจุบันหลักเกณฑ์การจ่ายค่าชดเชยเลิกจ้าง เป็นดังนี้
2. ทำงานครบ 1 ปี แต่ไม่เกิน 3 ปี ได้เงินชดเชยไม่น้อยกว่า 90 วัน 3. ทำงานครบ 3 ปี แต่ไม่เกิน 6 ปี ได้เงินชดเชยไม่น้อยกว่า 180 วัน 4. ทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่เกิน 8 ปี ได้เงินชดเชยไม่น้อยกว่า 240 วัน 5. ทำงานครบ 10 ปี แต่ไม่เกิน 20 ปี ได้เงินชดเชยไม่น้อยกว่า 300 วัน 6. ทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป ได้เงินชดเชยไม่น้อยกว่า 400 วัน
สำหรับเงินชดเชยเลิกจ้าง นายจ้างจะจ่ายให้ในกรณีที่ลูกจ้างถูกเลิกจ้างโดยที่ไม่ได้มีความผิด หรือไม่ได้ลาออกเองโดยสมัครใจ
นอกจากนี้ เมื่อมีการเลิกจ้าง นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้าง, ค่าล่วงเวลา, ค่าทำงานในวันหยุด, ค่าล่วงเวลาในวันหยุด และเงินที่นายจ้างมีหน้าที่ต้องจ่ายตามกฎหมาย ให้แก่ลูกจ้างภายใน 3 วันนับตั้งแต่วันที่เลิกจ้าง • กรณีนายจ้างผิดนัดไม่จ่ายค่าตอบแทน
ครอบคลุมทั้งกรณีนายจ้างไม่คืนหลักประกันที่เป็นเงิน, ไม่จ่ายเงินกรณีเลิกสัญญาจ้างโดยไม่แจ้งล่วงหน้า, ไม่จ่ายค่าล่วงเวลา, ค่าทำงานวันหยุด, ค่าล่วงเวลาในวันหยุด หรือเงินชดเชยกรณีหยุดกิจการ กำหนดให้นายจ้างต้องเสียดอกเบี้ยให้ลูกจ้างจำนวน 15% ต่อปีตามระยะเวลาที่ผิดนัด
• กรณีเปลี่ยนนายจ้าง หากมีการเปลี่ยนแปลงตัวนายจ้าง นิติบุคคล และทำการจดทะเบียนโอนหรือควบกับนิติบุคคลอื่น จนมีผลให้ลูกจ้างกลายเป็นลูกจ้างของนายจ้างใหม่ กรณีนี้ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้างด้วย และนายจ้างใหม่จะต้องให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ตามเดิมกับที่ลูกจ้างเคยได้รับ
• กรณีย้ายสถานประกอบการ นายจ้างต้องติดประกาศให้ลูกจ้างทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันก่อนย้ายสถานประกอบการ หากไม่ประกาศ นายจ้างต้องจ่ายค่าชดเชยพิเศษให้ลูกจ้างจำนวน 30 วัน
• กรณีลากิจ เพิ่มสิทธิ์ให้ลูกจ้างสามารถลากิจธุระอันจำเป็น ได้ปีละไม่น้อยกว่า 3 วันทำงาน โดยที่ยังได้รับค่าจ้างตามปกติ
• กรณีลาคลอดบุตร เพิ่มสิทธิ์ให้ลูกจ้างหญิงที่ตั้งครรภ์ สามารถลาเพื่อคลอดบุตรได้ไม่เกิน 98 วัน ซึ่งรวมถึงวันลาเพื่อตรวจครรภ์ก่อนคลอดบุตรและให้นับรวมวันหยุดที่มีระหว่างวันลาด้วย จากเดิมลาคลอดบุตรได้ 90 วัน
ทั้งนี้ ลูกจ้างจะได้รับค่าจ้างระหว่างลาคลอดบุตรจากประกันสังคม 45 วัน และจากนายจ้างอีกไม่เกิน 45 วัน • ลูกจ้างหญิงชายมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน
นายจ้างต้องกำหนดค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุดให้กับลูกจ้างชายหรือหญิงในอัตราที่เท่าเทียมกัน หากมีคุณภาพและปริมาณงานที่เท่ากัน ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิทธิประโยชน์สำคัญของกฎหมายคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ซึ่งได้ปรับปรุงเพื่อให้ลูกจ้างได้รับความคุ้มครองที่เหมาะสมมากขึ้น โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2562 ขอบคุณข้อมูลจาก https://money.kapook.com/view208584.html |
|