EEC ลดภาษีเงินได้นิติบุคลฯ 50% 5ปี พร้อมเว้นภาษี 200% ลงทุนเทคโนโลยีขั้นสูง |
โพสต์เมื่อ: วันอังคาร 17 กันยายน 2562 13:27 น.
WHAชี้เร่งลงทุนตรงจุด พร้อมรับต่างชาติย้ายฐาน
09/09/2562 ทันหุ้น –เอกชนตอบรับแพคเกจเร่งรัดลงทุนลดภาษีเงินได้นิติบุคลฯ 50% 5ปี เร่งรัดขั้นตอนดึงดูดต่างชาติย้ายฐาน, พร้อมเว้นภาษี 200% ลงทุนเทคโนโลยีขั้นสูง ชี้มาถูกทาง แถมกระตุ้นผู้ประกอบการเดิมแตกไลน์การผลิต WHA ลั่นพร้อมรองรับนักลงทุนย้ายฐานดันไทยสู่ฮับการบิน นักวิเคราะหี้ระยะกลาง-ยาวส่งผลดี แต่ระยะสั้นหวั่น “Sale on fact” นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการและเลขานุการ คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) มีมติเห็นชอบแพคเกจเร่งรัดการลงทุนและรองรับการ ย้ายฐานการผลิตสืบเนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้า หรือ Thailand Plus Package 7 ด้าน ในส่วนของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) กำหนดมาตรการสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อเร่งรัดการลงทุน โดยลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นเวลา 5 ปี เพิ่มเติมจากเกณฑ์ปกติ สำหรับโครงการที่มีเงินลงทุนจริงอย่างน้อย 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2564 โดยต้องยื่นขอรับการส่งเสริมภายในปี 2563 นอกจากนี้ ในกรณีของโครงการลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมและยังมีสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้อยู่ BOIจะอนุญาตให้นำค่าใช้จ่ายด้านการฝึกอบรมที่เข้าข่ายเป็น Advanced Technology ไปคำนวณรวมเป็นวงเงินยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เป็น 200% รวมทั้งให้BOIและกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกันนำเสนอแนวทางและรูปแบบการนำเงินกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันฯ มาใช้สนับสนุนการจัดตั้งสถาบันการศึกษาศักยภาพสูง พร้อมกันนี้ ครม.เศรษฐกิจ ได้มอบหมายให้การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เตรียมจัดหาและพัฒนาพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อรองรับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติแต่ละประเทศเป็นการเฉพาะ เช่น เกาหลี จีน ไต้หวัน เป็นต้น และให้กระทรวงการคลังกำหนดมาตรการเพิ่มเติม โดยให้หักเงินลงทุนด้านระบบอัตโนมัติได้เพิ่มขึ้น ระหว่างปี 2562 – 2563 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติ อันจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับห่วงโซ่อุปทานในประเทศไทย @WHAชูไทยฮับแอร์โรสเปซ นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ระบุ การที่รัฐบาลออกมาตราการดังกล่าวมา ถือเป็นการตอกต้ำว่าไทยตั้งใจพัฒนา-ต่อยอดโครงการพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อย่างต่อเนื่อง สำหรับอุตสาหกรรมที่ไทยมีศักยภาพ และสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นเป็น New S-Curve ต่อจากอุตสาหกรรมยานยนต์ คือ อุตสาหกรรมแอร์โรสเปซ ซึ่งสอดคล้องกับการพัฒนาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก รวมถึงโครงการก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานและชิ้นส่วนอากาศยาน อู่ตะเภา “จากการพูดคุยกับผู้บริหารแอร์บัส เขามีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในไทย ในส่วนของ WHA เองก็มีผู้ประกอบการซัพพลายเชนในกลุ่มวิศวกรรมแอร์โรสเปซ เข้ามา 2-3 ราย ซึ่งหากรัฐบาลให้การสนับสนุนอย่างเป็นระบบ ไทยก็จะกลับเข้าสู่พื้นที่เป้าหมาย ในการลงทุนสำหรับผู้ประกอบการกลุ่มนี้ เราต้องเร่งเดินหน้าสร้างความมั่นใจให้เขา เพื่อให้เขาตัดสินใจเข้ามาลงทุน เพราะเมื่อเข้ามาก็ต้องมาทั้งสายการผลิต (เชน) ซึ่งก็จะทำให้ไทยเป็น “ฮับ” สำหรับอุตสาหกรรมแอร์โรสเปซ เช่นเดียวกับที่เราเป็นฮับอุตสาหกรรมยานยนต์” สร้างแรงจูงใจ ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ WHA ระบุ มาตราการเร่งรัดและกระตุ้นการลงทุน ถือว่าสอดรับกับภาวะความต้องการย้ายฐานการผลิตของผู้ประกอบการที่อยู่ระหว่างตัดสินใจ พร้อมกันนี้คาดว่ารัฐบาลจะดำเนินนโยบายด้านอื่นควบคู่กันไป เพื่อผลักดันให้พื้นที่EEC ของไทยให้มีความพร้อมทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐาน สาธารณูปโภค ฯลฯ พร้อมรองรับนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันผู้ประกอบการที่มีฐานการผลิตในไทย ยังได้รับสิทธิ์กรณีขยายฐานการผลิตขึ้นไปใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจะช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้ประกอบการพิจารณาเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มเติมได้ง่ายยิ่งขึ้น สำหรับ WHA มีพื้นที่รอการพัฒนาอีกประมาณ 1 หมื่นไร่ รวมถึงที่ดินที่พัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรม มีระบบสาธารณูปโภคครบครันพร้อมรอบรับนักลงทุนทุกกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์, ออโตเมติก แมชชีน, วิศวกรรมแอร์โรสเปซ, รวมถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ขั้นสูงอย่างรถยนต์ EV ซึ่งไทยถือเป็นศูนย์กลางการผลิตอันดับ 1 ในเอเซีย “เป็นมาตรการที่ออกมาสอดรับกับภาวะสงครามการค้า การตัดสินใจย้ายฐานการผลิตต้องมีปัจจัยอื่นๆ สนับสนุนด้วย ในส่วนของ WHA มีลูกค้าทั้งจีน เกาหลี ไต้หวัน และประเทศอื่นๆ เข้ามาเยี่ยมชมพื้นที่ต่อเนื่อง” กระตุ้นการลงทุนทั้งไทย-ต่างชาติ นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุ มาตรการกระตุ้นการลงทุนครั้งนี้มีความน่าสนใจ เพราะสร้างแรงจูงใจได้ทั้งจากนักลงทุนต่างชาติ และผู้ประกอบการไทย เพราะรัฐบาลให้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นเวลา 5 ปี เพิ่มเติมจากเกณฑ์ปกติ และกำหนดกรอบไว้เพียง 1 ปีถือเป็นการกระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติเร่งตัดสินใจ อีกทั้งการมีทีม Support จากหน่วยงานต่างๆ ที่พร้อมให้คำปรึกษา และเร่งรัดขั้นตอนทางกฏหมายต่างๆ ให้ จะกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว และยังให้สิทธิ์ผู้ประกอบการที่ได้สิทธิ์ BOI อยู่แล้วจะขยายการลงทุนไปยัง Advanced Technology จะได้สิทธิ์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้เป็น 200% ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการไทยที่ต้องการขยาย หรือ แตกไลน์การผลิตในช่วงที่เงินบาททรงตัวแดนสูง ให้ตัดสินใจลงทุนง่ายขึ้น “มองว่ารัฐบาลออกมาตราการชุดนี้มาตรงจุดเพราะในระยะกลางจะกระตุ้นการลงทุนได้ทั้งใน-ต่างประเทศ เพราะการที่เงินบาทแข็งค่า นักลงทุนเองก็พร้อมที่จะลงทุนเครื่องจักร-อุปกรณ์-เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาพัฒนาการผลิตอยู่แล้ว แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อ อาจอยู่ระหว่างพิจารณา พอมีมาตราการภาษีที่จูงใจก็จะเร่งให้ตัดสินใจลงทุนง่ายขึ้น” นายณัฐพล กล่าวว่า มาตราการดังกล่าวถือเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการเกษตร-อาหาร, อาหารแปรรูป ที่ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงเข้ามาช่วยในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น แนะนำ “รอซื้อเมื่ออ่อนตัว” อย่างไรก็ตามมาตราการทั้งหมดที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมีมติเห็นชอบออกมา ไม่แตกต่างจากระแสข่าวก่อนหน้านี ดังนั้นระยะสั้นนักลงทุนควรระวัง “Sale on fact” โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวขึ้นมารับข่าว แต่ถือเป็นจุดที่สามารถเข้าสะสมหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะตัวอาทิ AMATA ที่จะได้ประโยชน์สูงสุดหากเกิดการย้ายฐานการผลิตเข้ามาในไทย ราคาเหมาะสม 28.25 บาท |
|