ยินดีต้อนรับ กรุณา สมัครสมาชิก หรือเข้าสู่ระบบ

Home » หุ้น BEM
เข้าชม : 282

BEM ขาย "ไซยะบุรี พาวเวอร์" ทำให้มีกำไรพิเศษเข้าบริษัท - ข่าว 23 สิงหาคม 2561

โพสต์เมื่อ: วันจันทร์ 10 กันยายน 2561  14:34 น.
           BEM กำไรโค้งสองนิวไฮตามคาด จากการขาย "ไซยะบุรี พาวเวอร์" ดันราคาเทรดใกล้มูลค่าเหมาะสม โบรกฯ มองไตรมาส 3/61 กำไรปกติโตต่อเนื่อง แต่กำไรสุทธิอ่อนตัว เพราะไม่มีรายการพิเศษ ขณะที่ยังมี 3 ประเด็นบวกเป็นอัพไซด์

           บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM  ปิดการซื้อขายล่าสุดที่ 8.15 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท โดยตั้งแต่ราคาหุ้นขึ้นไปทำ All Time High ที่ 8.90 บาท เมื่อราวเดือน ส.ค. ปี 59 ก็แกว่งตัวอยู่ที่ราว 7-8 บาท
           BEM ประกอบธุรกิจหลัก 3 ส่วน ได้แก่ ธุรกิจทางพิเศษ ธุรกิจระบบราง (รถไฟฟ้า) และธุรกิจพัฒนาเชิงพาณิชย์ที่เกี่ยวเนื่องกับระบบราง  ซึ่งเกิดจากการควบรวมระหว่าง BECL และ BMCL เมื่อต้นปี 59 
           ผลการดำเนินงาน BEM กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ควบรวมกิจการและเข้าเทรดใหม่ โดยมีกำไรสุทธิปี 59 ที่ 2.6 พันล้านบาท เพิ่มเป็น 3.1 พันล้านยาทในปี 60 ส่วนครึ่งแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 1.7 พันล้านบาท 

           ทั้งนี้ล่าสุด BEM ประกาศกำไรไตรมาส 2/61 ทำสถิติสูงสุดใหม่ตามที่ตลาดคาดการณ์ก่อนหน้านี้ พร้อมกับปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 0.06 บาท
           BEM แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 มีกำไรสุทธิ 978.14 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.06 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 722.6 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.05 บาท ส่วนงวด 6 เดือน มีกำไรสุทธิ 1,714.27 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,424.92 ล้านบาท
           โดยในไตรมาสนี้มีกำไรจากการขายเงินลงทุนสุทธิจากภาษี 184 ล้านบาท หากไม่นับรวมรายการดังกล่าว กำไรสุทธิไตรมาสนี้เท่ากับ 794 ล้านบาท เพิ่มจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 71 ล้านบาท หรือ 9.8% 

           สำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ มองกำไรปกติ BEM จะเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 3/61 ขณะที่กำไรสุทธิจะอ่อนตัวลง เพราะไม่มีรายการพิเศษ พร้อมกับ 3 ประเด็นที่ยังเป็นอัพไซด์ต่อราคาเหมาะสม
           บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) ระบุ กำไร 2Q61 ทำระดับสูงสุดใหม่ตามคาด จากกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนบริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด มูลค่า 184 ล้านบาท หากตัดรายการดังกล่าวบริษัทฯ มีกำไรปกติ 794 ล้านบาท (+10% YoY,-2% QoQ) 
           แนวโน้มกำไรปกติใน 3Q61 คาดเติบโต YoY ต่อเนื่อง ตามจำนวนผู้โดยสารธุรกิจรถไฟฟ้าและทางด่วนเพิ่มขึ้น รวมทั้งการปรับค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่ถูกเลื่อนออกไปก่อนหน้านี้จะครบกำหนด 3 เดือนในวันที่ 2 ต.ค. ทำให้บริษัทฯ สามารถปรับขึ้นค่าโดยสาร หนุนกำไรปกติให้ขยายตัวต่อเนื่องไปใน 4Q61 และอีกประเด็นที่สำคัญคือ ความชัดเจนการประมูลงานจากภาครัฐ คาดเกิดขึ้นต่อเนื่องตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้ ทั้ง 1) งานมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา และ บางใหญ่-กาญจนบุรี วงเงินรวม 1.3 หมื่นล้านบาท 2) งานทางด่วนพระราม 3 วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท 3) งานรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย วงเงิน 1 แสนล้านบาท และ 4) โครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน วงเงิน 2.2 แสนล้านบาท เป็น Upside risk ที่ยังไม่รวมในประมาณการ 
           เราคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่มูลค่าเหมาะสม ณ ปี 2561 ที่ 10.10 บาท 

           บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุ ปัจจุบันนักวิเคราะห์ในตลาดประเมินราคาเหมาะสมบริษัท BEM ที่ 8.80 บาท โดยยังไม่ได้รวม 3 สัมปทานที่บริษัทมีโอกาสในการได้มา
           นำโดย 1) โอกาสการต่อสัมปทานทางด่วนที่จะหมดอายุในปี 2563 โดยเรามองโอกาสถึงการต่อสัมปทานแบ่งเป็น 2 ทางได้แก่ บริษัทลงทุนเพิ่มบนรูปแบบ Rev-sharing ลักษณะคล้ายแบบปัจจุบันแต่สัดส่วนอาจลดลง และ รับจ้างบริหารทางด่วน ลักษณะคล้ายรถไฟฟ้าสีม่วงบน IRRประมาณ 10-15% คาดเปิดเจรจาใน 1H62 และ2) สัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีส้ม (Net / Gross Cost) รวมระยะทาง 40 ก.ม.ที่ คาดเปิดประมูล 2H62 และ 3) สัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วง (Gross-cost) 
           โดยเรามองว่า BEM มีโอกาสได้อย่างน้อย 2/3 ของสัมปทานดังกล่าวที่กล่าวมา อย่างไรก็ตามปัจจุบันเรายังไม่สามารถประเมินมูลค่าเหมาะสมของแต่ละสัมปทานได้ คงคำแนะนำซื้อด้วยราคาเหมาะสม 9 บาท/หุ้น
           ขณะที่ บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ปรับลดคำแนะนำเป็นถือ โดยราคาพื้นฐานคงไว้ที่ 8.60 บาท ปัจจัยกระตุ้นในระยะต่อไป คือ การได้งานบริหารเดินรถใหม่ๆ เข้ามาเพิ่ม

           BEM นับเป็นหุ้นพื้นฐานดีที่กำไรโตต่อเนื่องและจ่ายปันผลสม่ำเสมอ ส่งผลให้ราคาหุ้นขึ้นมาซื้อขายเข้าใกล้ราคาเหมาะสม แต่ 3 สัมปทานที่บริษัทมีโอกาสได้มาในอนาคต ก็เป็นประเด็นบวกที่จะเพิ่มอัพไซด์ได้อีกในอนาคต


s


คุณต้องสมัครสมาชิก ถึงจะโพสกระทู้ได้

สมัครสมาชิก เข้าสู่ระบบ