ยินดีต้อนรับ กรุณา สมัครสมาชิก หรือเข้าสู่ระบบ

Home » หุ้น MC
เข้าชม : 232

MC EPS งบ Q2/63 เตรียมปรับกลยุทธ์ออกผลิตภัณฑ์

โพสต์เมื่อ: วันพฤหัสบดี 5 มีนาคม 2563  10:57 น.
EPS งบ MC
 
  Q1 Q2 Q3 Q4 รวม
ปี 2558          
ปี 2559         1.05
ปี 2560         0.76
ปี 2561         0.82
ปี 2562 0.12 0.24     0.38
ปี 2563 0.08 0.29      


---------------------------------

บล.เคทีบี(ประเทศไทย) : MC เริ่มเห็นผลเชิงบวกจากการปรับโครงสร้าง
12/02/2563
Key takeaways from the Analyst Meeting
จากการประชุมนักวิเคราะห์วันศุกร์ที่ผ่านมา (7 ก.พ. 2020) มีประเด็นสำคัญ ดังนี้
  1) MC รายงานกำไรปกติ 2QFY20 (ต.ค.-ธ.ค. 2019)อยู่ที่ 227 ล้านบาท (+31% YoY, +121% QoQ) กลับมาเติบโตโดดเด่นและดีกว่าที่consensus คาดมาก จาก
i) รายได้เติบโต +12% YoY +49% QoQ จาก SSSG +9.4% โดยรายได้ freestanding shop (+18% YoY, +52% QoQ), รายได้จากช่องทาง online (+49% YoY, +50% QoQ), การออก new products (โดย 1HFY20 มี new products (NPD) = 70%, existing products  (EPD) = 30%) และมี average ticket size อยู่ที่ 1,650 บาท/ ticket (+3% YoY) ,
ii) gross profit margin ที่สูงถึง 58%  มาจาก contribution ที่เพิ่มขึ้นจาก high margin channel อย่าง freestanding shop ซึ่งมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 56% ของรายได้รวม (จาก 2QFY19 = 53%), โดย ณ สิ้น Dec 2019 มี point of sales อยู่ที่ 663 จุด และ
iii) SG&A to total sales ปรับตัวลดลง YoY อยู่ที่ 36.5% จากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ
  2) สำหรับ MC ได้วางกลยุทธ์ 3 ปีไว้ ดังนี้
i) ปีที่ 1 (FY2020) จะเน้นการปรับทัพทั้งภายในและภายนอกองค์กร โดยจะโฟกัสการสร้าง Brand Awareness, และใช้กลยุทธ์ 4Cs (customer centric and data – driven approach / customer base expansion/ connected supply chain/ captivated brand experience),
ii) ปีที่ 2 (FY2021) ปีที่สร้างการเติบโตแบบ New S-Curve เน้น expand revenue model ผ่านการทำ seamless O2O platform, expand brand portfolio, สร้าง partnership and collaboration และมีแผนทำ M&A และ JV สำหรับปี 2022 มีแผนที่จะขยายไปต่างประเทศมากขึ้น ทั้งนี้ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ใน 3 ปีจากนี้ เติบโตเฉลี่ยปีละ+8% , และ maintain strong net profit margin 14-16% (จากปัจจุบัน = 15.2%)
  3) สำหรับผลกระทบของ Coronavirus ผู้บริหารคาดว่าจะกระทบรายได้ 3QFY20E ประมาณ       3-4% โดยในเดือน Jan รายได้ต่ำกว่าเป้า -0.2% ทั้งนี้ ผู้บริหารคาดว่าจะแก้ไขสถานการณ์ด้วยการเน้นการขายออนไลน์มากขึ้น ปัจจุบัน MC ได้เทรนพนักงานขายหน้าร้านให้ขายออนไลน์ด้วย หากสินค้าหน้าร้านไม่มีจะแนะนำ ให้ลูกค้าเข้าออนไลน์ทันที และมีแผนออก NPD ในช่วงปลายเดือน มี.ค. เป็น resort collection ซึ่งจะเป็นเสื้อสีสันสดใส เหมาะใส่ไปทะเล และเล่นสงกรานต์ โดยตั้งเป้ารายได้จาก collection นี้ที่ 50 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม คาดผลประกอบการ 3QFY20E จะขยายตัว YoY แต่ลดลง QoQ จาก high season ใน 2QFY20

Implication
  เรามีมุมมองเป็นบวกต่อ outlook ของ MC โดยประเด็นที่น่าสนใจคือ
1) มีการปรับโครงสร้างที่นำผู้บริหารที่มีความเชี่ยวชาญมาบริหาร คือ new CEO,
2) เป็นหุ้นที่จ่าย dividend ดีอย่างต่อเนื่อง มี dividend yield ดี ที่ 5.8% MC ตั้งเป้าจะจ่ายปันผลปีละ 0.65-0.75 บาท อย่างต่อเนื่อง,
3) strong financial position มี cash on hand Bt1,515m และ no debt,
4) มี complete value chain (in-house design/supplier/sourcing/warehouse management/ point of sales/ CRM โดยมีฐานลูกค้าที่เป็น loyalty card members ถึง 1 ล้านคน,
5) ในปี FY2019 ที่ผ่านมาที่ผลประกอบการลดลง YoY ส่งผลมาจากไม่มี new products แต่ได้มีการปรับกลยุทธ์ เน้นการออก new products และออกแบรนด์ใหม่เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าอายุ 20 – 39ปี เป็น 65% ใน 3 ปีข้างหน้า ปัจจุบันมีกลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ที่ 55% และ
6) MC ได้นำ Data Analysis มาใช้ในการผลิตสินค้าให้ตรงกับความต้องการผู้บริโภค 

ราคาเป้าหมายจาก Bloomberg consensus ที่ 9.57 บาท
  เรายังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์ MC ทั้งนี้ ราคาเป้าหมายจาก Bloomberg consensus อยู่ที่ 9.57 บาท เรามองว่า ตลาดมีแนวโน้มปรับประมาณการและราคาเป้าหมายขึ้นจากผลประกอบการ 2QFY20 ที่ดีกว่าคาด แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นและ outperform SET ถึง 45.5% แต่เรามองว่ายังไม่สะท้อนผลประกอบการที่เข้าสู่วัฏจักรการเติบโตรอบใหม่

---------------------------------------


บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : MC แนะนำเก็งกำไร ราคาเป้าหมายที่ 12.90 บาท
11/02/2563
What’s new?


      ► บริษัทเปลี่ยนผู้บริหารคนใหม่ที่มีความสามารถในการพลิกพื้นธุรกิจ หลังหลังจากบริษัทมีผลประกอบการที่อ่อนแอลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
      ► ใช้กลยุทธ์ Online2Offline, Data Analytic มาช่วยเสริมการเติบโตและสร้างยอดขายภายใต้ช่องทางจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น

Our view
      ► เริ่มต้นคำแนะนำ เก็งกำไร หลังจากราคาฟื้นตัวตอบรับปัจจัยบวกจากผลประกอบการ 2Q63 ที่เติบโตและการฟื้นตัวของ SSSG 
      ►  MC อยู่รหว่างปรับเปลี่ยนทั้งภายในและภายนอก โดยการพัฒนาองค์กร และการทำการตลาดเพื่อสร้างยอดขาย รักษาระดับมาร์จิ้นและควบคุมค่าใช้จ่าย คาดเห็นผลที่ดีต่อบริษัทในอนาคต

นิวแม็ค..ก้าวใหม่ที่รอการพิสูจน์
เปลี่ยนผู้บริหารใหม่ ด้วยกลยุทธ์ใหม่
  MC ประกาศแต่งตั้งผู้บริหารคนใหม่คุณชนัญญารักษ์ เพ็ชร์รัตน์ ขึ้นเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท (CEO) ซึ่งคุณชนัญญารักษ์มีประสบการณ์ด้านการบริหารกว่า 30 ปีกับบริษัทข้ามชาติอย่าง Oracle, Motorola, DHL ซึ่งทางบริษัทได้เลือกใช้กลยุทธ์การเชื่อม Online 2 Offline ภายใต้ชื่อ BOSS (Buy online ship to shop) ซึ่งเป็นกลยุทธ์เชื่อมต่อร้านค้าดั้งเดิมกับ platform ออนไลน์มากขึ้น รวมถึงการใช้วิเคราะห์ Big Data analytics เพื่อวิเคราะห์ความต้องการของลูกค้า ภายหลังจากการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร บริษัทตั้งเป้ากลับมา turnaround และการเติบโตอีกครั้ง

การเติบโตที่รอการพิสูจน์
  เรามองการเปลี่ยนแปลงรูปแบบและรูปลักษณ์ใหม่ของบริษัทเพื่อสร้างการเติบโต ค่อนข้างมีความท้าทายภายใต้อุตสาหกรรมการแข่งขันในตลาดที่รุนแรง ขณะเดียวกันยังมีแรงเสียดทานจากภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่แข็งแรง ซึ่งอาจมีผลต่อกำลังซื้อโดยรวมที่หดตัวลง รวมถึง รสนิยม ความชอบในรูปแบบของแฟชั่น ซึ่งเป็นไปตามสมัยนิยมที่บริษัทยังคงต้องติดตามเพื่อค้นหาความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภคเพื่อผลิตสินค้าให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า โดย MC อยู่ระหว่างการปรับตัวเข้าสู่ ช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มทั้ง การผ่าน Department Store ในตลาดเช่น BIGC, TESCO LOTUS พร้อมมองการขยายธุรกิจในรูปแบบ integrated ในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อใช้พัฒนาสินค้าและองค์กร รวมถึงมองโอกาสการขยายฐานไปยังต่างประเทศและการทำ M&A  ซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการสร้างรายได้และผลกำไรในอนาคต

ฐานะการเงินแข็งแกร่ง พร้อมลงทุน IT infrastructure
  บริษัทมีฐานะเป็น Net Cash รวมถึงมีเงินสด เงินลงทุนระยะสั้นอยู่เป็นจำนวนมากราว 1.3 พันล้านบาท ณ สิ้นปีการเงิน 2562 นอกจากนั้นยังมีกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงานราว 400 - 600 ล้านบาท  ซึ่งเรามองว่าเพียงพอสำหรับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยี การลงทุนพัฒนาระบบ Supply Chain การลงทุนดังกล่าวเพื่อเป็นการสนับสนุนกลยุทธ์ New S-Curve ของทางบริษัท แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความพร้อมในการลงทุนเพื่อการขยายตัวในอนาคต

Dividend Stock ให้อัตราผลตอบแทน 5-6%
  MC มีความน่าสนใจหลังจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบบริษัท  พร้อมกับการเข้าสู่การแข่งขันในตลาดโดยยังคงรักษาระดับความสามารถในการทำกำไรจากระดับมาร์จิ้นที่ 55-60% มากกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มค้าปลีกที่ 25-30% ขณะเดียวกัน จุดเด่นที่ดีคือการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ  ภายใต้นผลตอบแทนเงินปันผล 5-6%ต่อปี โดยการจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง  เราเริ่มต้นคำแนะนำ เก็งกำไร ราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 12.90 บาท ทั้งนี้ผลประกอบการที่เติบโตพร้อมกับ SSSG  ที่กลับมาเป็นบวกสูง สะท้อนต่อราคาตลาดไปพอควร YTD ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 46% ขณะเดียวกันในระยะสั้นคาดผลประกอบการ 3Q63 ของ MC จะทำได้น้อยกว่า 2Q63 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลที่ดีสุดของปีไปแล้ว


---------------------------------

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : MC แนะนำ ถือ ราคาพื้นฐาน 11.50 บาท
11/02/2563
กำไรสุทธิงวดต.ค.-ธ.ค.62 ดีกว่าคาด

 

กำไรสุทธิงวด 2Q62/63 เติบโตแข็งแกร่ง +19%YoY, +252%QoQ ดีกว่าที่เราคาดไว้ 13%
  SSSG เป็นบวกได้ 9.4%YoY ใน 2Q62/63 ซึ่งดีกว่าอุตสาหกรรมมาก
  เห็นการฟื้นตัวและทิศทางการเติบโตที่ชัดเจนขึ้นหลังปรับแผนกลยุทธ์ธุรกิจ
  ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 62/63F และปี 63/64F ขึ้น 35% และ 23% ตามลำดับ
  ฐานะการเงินแข็งแกร่ง คาดการณ์ Dividend Yield ประมาณ 6% ต่อปี
  ราคาหุ้นปรับขึ้น 55% หลังเราแนะนำซื้อไปเมื่อ 17 พ.ย.62 จึงปรับคำแนะนำเป็นถือ แต่เพิ่มราคาพื้นฐานเป็น 11.50 บาท อิงกับ P/E ปี 63/64F ที่ 15 เท่า

  บริษัทประกาศกำไรสุทธิงวด 2Q62/63 (ต.ค.-ธ.ค.62) เท่ากับ 226 ล้านบาท เติบโตแข็งแกร่ง +19%YoY และเพิ่มก้าวกระโดดจาก 64 ล้านบาทในไตรมาสก่อนหน้า ดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ 13% ปัจจุบันหนุนหลัก คือ รายได้ที่เพิ่มขึ้น+12%YoY, +41%QoQ เป็น 1.13 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากปัจจัยฤดูกาล (ไตรมาส 4 เป็นฤดูกาลจับจ่ายใช้สอย) และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่และเพิ่มประสิทธิภาพด้านการตลาด
  อัตรากำไรจากการดำเนินงานสูงขึ้น ทั้งนี้อัตรากำไรขั้นต้นงวดต.ค.-ธ.ค.62 ยังคงสูงที่ประมาณ 58% ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า แต่ SG&A/ยอดขายลดลงจากการมี Economy of scale มากขึ้น (โดย 75%ของค่าใช้จ่ายบริหารเป็นค่าใช้จ่ายประจำ) ทำให้อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Operating profit margin) และ EBITDAmargin เพิ่มเป็น 22.4% และ 24.4% ในไตรมาสนี้ (จาก 19.4% และ 22.3% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน)
  SSSG งวด 2Q62/63 เป็นบวก (+9.4%YoY) และงวด 6M62/63 เติบโต +6.5%YoY ซึ่งดีกว่าอุตสาหกรรม ช่องทางที่ SSSG เติบโตสูงคือ E-commerce ซึ่งคิดเป็น 8% ของรายได้รวม (+41%YoY), Free standing shop (FSS) คิดเป็น56% ของรายได้รวม (+18%YoY) และ Department store (DS) คิดเป็น 31% ของรายได้รวม (+9%YoY)ส่วนยอดขายรวมงวด 2Q62/63 เพิ่มขึ้น +12%YoY และ 6M62/63 ขยายตัว +8%YoY ซึ่งการเติบโตมาจากผลิตภัณฑ์ใหม่ & จากผลิตภัณฑ์รุ่นที่ขายดี 70% และจากผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ 30% และมาจากปริมาณขายเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาขายเฉลี่ยทรงตัว สำหรับรายได้ต่อบิลเติบโตงวด 2Q62/63 เติบโต +3%YoY เป็น 1,650 บาท/บิล นับได้ว่ายอดขายมีการฟื้นตัวดี
  ฐานะการเงินแข็งแกร่ง ณ สิ้นธ.ค.62 มีเงินสดสุทธิ 1.5 พันล้านบาท คิดเป็น 1.89 บาท/หุ้นจ่ายปันผลดีตามคาด โดยประกาศจ่ายปันผลสำหรับ 1H62/63 เท่ากับ 0.35 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 20 ก.พ.63 และชำระเงิน 4 มี.ค.63

  แนวโน้ม 3Q62/63 ยังโตได้ YoY แม้มีเรื่องไวรัสโคโรนาระบาด เราคาดว่าผลประกอบการงวด 3Q62/63 (ม.ค.-มี.ค.63) จะเติบโตได้เมื่อเทียบ YoY แม้ว่ายอดขายใน FSS & DS จะถูกกระทบจากปริมาณ Traffic ที่ลดลงเพราะไวรัสโคโรนาแพร่ระบาด แต่บริษัทมียอดขายออนไลน์เพิ่มขึ้นสูง คาดว่างวดปี 62/63 (สิ้นสุดมิ.ย.63) ยอดขายผ่านออนไลน์จะเพิ่มเป็น10% ของทั้งหมด รวมทั้งรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 58% ได้จากการบริหารจัดการวัตถุดิบและต้นทุนการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เมื่อเทียบ QoQ กำไรสุทธิจะลดลงตามปัจจัยฤดูกาล
  ธุรกิจฟื้นตัวและเติบโตได้ในระยะยาว เราคาดว่าการที่บริษัทปรับแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยใช้ Big data & AI มาวิเคราะห์การตลาดและความต้องการลูกค้า ทำให้ออกผลิตภัณฑ์ได้ตรงกับดีมานด์ของลูกค้าแต่ละกลุ่มมากขึ้น สินค้าคงคลังก็จะน้อยลง (มีแผนว่าระดับสินค้าคงคลังจะไม่เกิน 10 เดือนสำหรับสินค้าผลิตใหม่ตั้งแต่ปี 62/63), ดึงมูลค่าออกมาจากแบรนด์ MC ที่มีมากว่า 45 ปีออกมาให้มากขึ้น, พัฒนาแพลตฟอร์มเชื่อมต่อ Offline กับ Online เข้าด้วยกัน, ปรับปรุงร้านค้าให้ทันสมัย, เพิ่มประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่ขายให้สามารถขาย Cross sales & up sales นอกจากนั้นจะขยาย
ตลาดไปต่างประเทศ รวมทั้งหาพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศเพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ร่วมกัน (ผู้บริหารได้ไปดูตลาดที่อินเดีย, เวียดนาม ฯลฯ มาแล้ว) ซึ่งเหล่านี้ทำให้คาดว่ายอดขายของบริษัทจะสามารถเติบโตได้ 7-8% ต่อปีในอีก 2 ปีข้างหน้า และกำไรสุทธิขยายตัวได้ 8-11% ต่อปี
  ทยอยลดระดับสินค้าคงคลังที่มีอยู่ บริษัทมีระดับสินค้าคงคลัง 13.8 เดือนในสิ้นธ.ค.62 ซึ่งลดลงจาก 14.9 เดือนในสิ้นมิ.ย.62 และคาดว่าจะทยอยลดลงเป็นลำดับ โดยมีเป้าหมายที่ 10 เดือนภายใน 2 ปีข้างหน้า สำหรับแนวทางลดสินค้าคงคลังที่บริษัทเล็งๆไว้ เช่น การขายยกล็อตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน, การขายออกไปในตลาดแอฟริกา เป็นต้น
  ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 62/63F และ 63/64F ขึ้น 35% และ 23% ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 62/63Fจะเติบโต +81%YoY และ +11%YoY เป็น 554 ล้านบาทและ 615 ล้านบาท ตามลำดับ
  ปรับคำแนะนำเป็นถือ แต่ปรับเพิ่มราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 11.50 บาท อิงกับ Norm profit ปี 63/64F ที่ 15 เท่า (เดิม8.40 บาท) ทั้งนี้ราคาหุ้นได้ปรับขึ้น 55% นับตั้งแต่เราแนะนำซื้อไปเมื่อ 17 พ.ย.62 แต่ด้วยคาดการณ์ Dividend yield ปี62/63F และปี 63/64F ยังคงจูงใจที่ 5.9% และ 6.3% ตามลำดับ จึงแนะนำถือเพื่อรับปันผลสูง ความเสี่ยงหลัก คือเศรษฐกิจในประเทศซบเซามากกว่าคาดมาก, การแพร่ระบาดไวรัสโคโรนารุนแรงและยาวนาน


-----------------------------------

บล.โนมูระ พัฒนสิน : MC แนะนำ` ถือ` TP ที่ 11.60 บาท
11/02/2563
MC (NEUTRAL, TP 11.60) กลยุทธ์ใหม่เริ่มส่งผลบวกชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ภาพกำไรใน 2Q20 (ต.ค.-ธ.ค. 2019) ทำได้ดีกว่าคาดจากยอดขายที่เติบโตจากการออกสินค้าใหม่ และการควบคุมค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะการบริหาร Supply chain ทำให้เราปรับประมาณการ  กำไรสุทธิ 2020F ขึ้น 9% และปรับมูลค่าเหมาะสมขึ้นเป็น 11.60 บาท/หุ้น  อย่างไรก็ดีด้วยผลของ High season ที่ผ่านพ้นไป ทำให้แนวโน้มกำไร 3Q20F-4Q20F มีแนวโน้มลดลง q-q แต่ยังคงเติบโต y-y ดังนั้นด้วย Upside ที่จำกัดเพียง +4.5% จึงแนะนำเพียง ถือ ในฐานะหุ้นปันผลสูง +6.3% p.a. ** ประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.35 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 20 ก.พ. 2020


----------------------------------

บล.ทิสโก้ : MC แนะนำ“ถือ” ราคาเป้าหมาย 10.10 บาท
11/02/2563
ราคาหุ้นสะท้อนความคาดหวังไปแล้ว
ความคาดหวังต่อการพลิกฟื้นบริษัทหนุนราคาหุ้นในช่วงที่ผ่านมา

 

ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้น MC ปรับตัวขึ้นมา 50% จากความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม เรามองว่าอาจจะเร็วเกินไปที่จะคาดหวังการเติบโตระดับสูงต่อเนื่องสำหรับ MC เนื่องจากเรามองว่าการเติบโตใน 2 ไตรมาสที่ผ่านมาเป็นผลมาจากฐานที่ต่ำในปีก่อนหน้า รวมทั้งการเข้าสู่ช่วงจับจ่ายใช้สอยใน 2QFY19/20 (ตุลาคม – ธันวาคม) โดยเราคาดการเติบโตเฉลี่ย 3 ปีข้างหน้า (FY2019/20F -2022/23F) อยู่ที่ 7.9% ต่อปี ซึ่งเรามองว่ายังต้องรอพิสูจน์การเติบโตมาจากความร่วมมือกับพันธมิตรที่จะกระจายสินค้าจำหน่าย และการเติบโตผ่านทางช่องทางออนไลน์ ซึ่งบริษัทมุ่งเน้นเพิ่มการเติบโตในอนาคต นอกจากนี้ เรายังกังวลต่อการบริโภคที่ยังไม่ฟื้นตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างจังหวัด (70% ของรายได้รวม) ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตาม ดังนั้น เรามองว่าราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาปัจจุบันสะท้อนต่อความคาดหวังการฟื้นตัวแล้ว ลก

กำไรใน 2FY19/20 ทำได้ดีกว่าที่คาด
  MC รายงานกำไรปกติ 2QFY19/20 ดีกว่าที่เราและตลาดคาดไว้ที่ 227 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45% YoY และเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 103 ล้านบาทใน 1QFY19/20 โดยปัจจัยหลักที่ให้เติบโตได้ดีกว่าคาดมาจากรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น 12% YoY และ 41% QoQ มาที่ 1,132 ล้านบาทจากช่องทางสาขาของบริษัทเองที่การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ 9.4% ฟื้นตัวจาก -7.2% ใน 2QFY18/19 และ 2.3% ใน 1QFY19/20 และออนไลน์ที่เติบโตได้ดี 41% YoY บวกกับความสามารถในการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่าย ส่งผลให้รักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ 58% และให้ EBITDA margin และ Net profit margin ใน 2QFY19/20 เพิ่มขึ้นมาที่ 24.7% และ 20.1% ตามลำดับ

คาดผ่านจุดต่ำสุดของบริษัทไปแล้วในปีที่ผ่านมา เข้าสู่ช่วงปรับเปลี่ยนกลยุทธ์
  ผลประกอบการ 6MFY19/20 อยู่ที่ 330 ล้านบาท เติบโต 31.9% YoY  เราปรับประมาณการกำไรของ MC สำหรับปี FY2019/20 – 21/22F ขึ้น 15-29% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนผลประกอบการในครึ่งปีแรกที่ดีกว่าที่เราคาดไว้ เรามองว่าจะเป็นปีที่บริษัทผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยบริษัทอยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ โดยหันกลับมาเน้นความเป็น Denim Centric และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ร่วมกับพันธมิตร เพื่อขยายเข้าสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ และหาพาร์ทเนอร์ในการกระจายสินค้า รวมทั้งเน้นการเติบโตผ่านช่องทางออนไลน์ โดยจะใช้จุดแข็งที่มีคือช่องทางการจำหน่ายสินค้ากว่า 600 จุดทั่วประเทศรองรับการทำออนไลน์ O2O (Online to Offline) ประกอบกับการปรับระบบหลังบ้าน (Value chain) ให้มีความสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น ซึ่งเรามองว่าจะต้องใช้เวลาในการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์

แต่ราคาหุ้นไม่ถูกแล้ว แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 10.10 บาท
  ตามการปรับประมาณการผลประกอบการ ราคาเป้าหมายใหม่ของเราอยู่ที่ 10.10 บาท อิงจาก PER 14 เท่าปี FY2019/20F เทียบเท่า PEG 1.9 เท่า โดยปัจจุบัน MC ซื้อขายอยู่ที่ PER 15.4 เท่า และ PBV 2.32 เท่าปี FY2019/20F หรือคิดเป็น PEG ที่ 1.9 เท่าซึ่งเรามองว่าราคาหุ้นในปัจจุบันไม่ถูกแล้ว และสะท้อนต่อความคาดหวังการเติบโตไปแล้ว ดังนั้น เรายังคงแนะนำ “ถือ” MC ยังเป็นหุ้นที่มีปันผลสูงและปันผลต่อเนื่อง ล่าสุด ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.35 บาทต่อหุ้น(XD 20 ก.พ. 2020)


 
s


คุณต้องสมัครสมาชิก ถึงจะโพสกระทู้ได้

สมัครสมาชิก เข้าสู่ระบบ