ยินดีต้อนรับ กรุณา สมัครสมาชิก หรือเข้าสู่ระบบ

Home » หุ้น TKN
เข้าชม : 275

TKN ต้นทุนสาหร่ายลด แต่ค่าใช้จ่ายการตลาดยังกดดัน

โพสต์เมื่อ: วันอังคาร 11 กันยายน 2561  11:23 น.
TKN ต้นทุนสาหร่ายลด แต่ค่าใช้จ่ายการตลาดยังกดดัน

TKN ฟื้นทำนิวไฮรอบเกือบ 1 เดือน รับต้นทุนสาหร่ายที่กดดันมานานเริ่มคลี่คลาย โบรกฯ มองครึ่งปีหลังเข้าไฮซีซั่น-ต้นทุนสาหร่ายลดหนุนอัตรากำไรขั้นต้นฟื้น แต่ต้องระวังงบการตลาดอาจกดกำไรสุทธิทั้งปี ก่อนกลับมาโตแกร่งในปี 62

    ราคาหุ้น บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง หรือ TKN ดีดแรงทำจุดสูงสุดช่วงเช้าที่ 16.20 บาท นิวไฮรอบเกือบ 1 เดือน ก่อนปิดตลาดช่วงเช้าที่ 16 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท หรือ 1.91% ปริมาณการซื้อขายอยู่ที่ 12 ล้านหุ้น

    TKN ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสาหร่ายแปรรูปภายใต้ตราสินค้า "เถ้าแก่น้อย" และสินค้าขนมขบเคี้ยวอื่นๆ ปัจจุบันมีโรงงานผลิตสาหร่ายแปรรปู 2 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ จังหวัดปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา และมีโรงงานในต่างประเทศตั้งอยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนียประเทศสหรัฐอเมริกา มีกำลังผลิตรวมสูงสุด 7,229 ตัน 

    ปี 60 TKN มีสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายในประเทศ 39.2% และเป็นการส่งออกถึง 60.8% แบ่งเป็น จีน 39.96% มาเลเซีย 3.21% อินโดนีเซีย 2.88% ฮ่องกง 2.56% ประเทศอื่นๆในเอเชีย 12.19%

    TKN เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 58 ด้วยราคาไอพีโอเพียง 4 บาท โดยในช่วง 2 ปีแรกที่เข้าซื้อขาย บริษัทสามารถทำกำไรโตก้าวกระโดดจาก 396 ล้านบาท ในปี 58 เป็น 781 ล้านบาท ในปี 59 หรือเติบโตถึง 96% ทำให้ราคาหุ้นดีดขึ้นไปทำจุดสูงสุดตลอดกาลที่ 29.50 บาท ในเดือน ธ.ค.59 ก่อนที่ต้นทุนสาหร่ายที่สูงขึ้นทำให้กำไรกลับมาชะลอตัวลงเหลือเพียง 608.44 ล้านบาทในปี 60  และอ่อนแอต่อเนื่องมาถึงครึ่งแรกปี 61 ทำให้ราคาหุ้นลงมาซื้อขายที่ราว 14 บาท ในช่วงก่อนหน้า

    TKN ราคาหุ้นฟื้นขึ้นมาต่อเนื่องหลายวันทำการแตะนิวไฮรอบ 1 เดือน โดยผู้บริหารเผยแนวโน้มต้นทุนสาหร่ายในไตรมาส 3/61 จะปรับลดลงอย่างมีนัยสำคัญตามการเซ็นสัญญาใหม่ และช่วงครึ่งปีหลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นจากธุรกิจเดิมและการออกสินค้าใหม่

    นายจิระพงษ์ สันติภิรมย์กุล ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน TKN เผยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/61 คาดจะทำได้มากกว่าไตรมาส 2/61 เนื่องจากต้นทุนสาหร่ายจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญราว 10% หลังบริษัทเข้าเซ็นสัญญาต้นทุนสาหร่ายใหม่

    นอกจากนี้ในช่วงครึ่งปีหลังจะเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ รวมถึงการออกสินค้าใหม่ 2 - 3 ประเภท ทั้งกลุ่มสาหร่ายและไม่ใช่สาหร่ายเพื่อขยายฐานลูกค้า

    นักวิเคราะห์มองยอดขายครึ่งปีหลังโตเด่นจากไฮซีซั่น และได้อานิสงส์ต้นทุนสาหร่ายลดลงหนุนอัตรากำไรขั้นต้นฟื้น แต่ยังต้องจับตาค่าใช้จ่ายการตลาดในต่างประเทศที่สูง อาจฉุดกำไรสุทธิปีนี้ขยายตัวเล็กน้อยเท่านั้น แต่คาดกำไรกลับมาโตเด่นในปี 62 รับต้นทุนสาหร่ายลดเต็มปี และสินค้าใหม่เริ่มสร้างรายได้

    บล.เคทีบี ระบุ กำไรปกติ TKN ในครึ่งหลังปี 61 จะโตเด่นถึง 25% จากช่วงเดียวกันปีก่อน จากการออกสาหร่ายเทมปุระไข่เค็มได้รับผลตอบรับอย่างดีจนของขาดตลาด และรายได้จาก My Whey ที่ขยายตัวต่อเนื่อง รวมถึงการเปิดออฟฟิศ และร้านค้าในจีนภายในเดือนก.ย. และจากตลาดอเมริกา รวมถึงต้นทุนสาหร่ายที่ลดลง 10% จากปีก่อนทำให้ อัตรากำไรขั้นต้นในครึ่งปีหลังจะทำได้ 32.2% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 31.5% และต้นทุนสาหร่ายจะปรับตัวลดลงต่อเนื่องในปี 62 อีก

    อย่างไรก็ดีได้ปรับประมาณการกำไรปกติในปี 61 ลง 5.7% มาอยู่ที่ 750 ล้านบาท หรือโต 11% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมองว่า TKN จะมีค่าใช้จ่ายในการทำตลาดทั้งในและต่างประเทศเข้ามามาก เช่นการทำตลาดสินค้าใหม่ในไทย การขยายฐานลูกค้าในจีน และค่าใช้จ่ายในการกระจายสินค้าและค่าแรกเข้าแบรนด์ NORA ในสหรัฐฯ

    แนะนำ "ซื้อ" ให้ราคาเป้าหมายที่ 20 บาท อิง DCF(WACC 9% TG3%) TKN เทรดอยู่ที่ -1SD PER Avg of 38.7x มองว่ากำไรสุทธิของ TKN ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาตั้งแต่ต้นปี 2017 ได้สะท้อนปัจจัยลบเกี่ยวกับต้นทุนสาหร่ายที่จะเพิ่มขึ้นไปแล้ว

    บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส ประเมินยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะฟื้นตัวเพราะเป็นฤดูกาลส่งออกและเริ่มรับรู้ต้นทุนสาหร่ายที่ปรับลดลง ซึ่งจะหนุนอัตรากำไรขั้นต้นฟื้นตัวขึ้นด้วย แต่สิ่งต้องกังวลคือยังมีค่าใช้จ่ายการตลาดที่สูงทั้งในจีนและสหรัฐทำให้กำไรสุทธิปีนี้จะขยายตัวไม่มากจากปี 60 หรือราว 5%

    ทั้งนี้คาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิปี 62 จะกลับมาโตแกร่งถึง 49% จากตลาดจีนและ CLMV ที่ยังมีศักยภาพสูงขณะที่ตลาดสหรัฐที่เพิ่งซื้อโรงงานผลิตเข้ามาเป็นตัวช่วยหนุน นอกจากนี้จะได้รับประโยชน์เต็มที่จากต้นทุนสาหร่ายที่ลดลง และการเปิดตัวสินค้า สาหร่ายเทมปุระไข่เค็มและเวย์โปรตีนที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 40%

    แนะนำ ซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 19 บาท อิง PE ปี 62 ที่ 25 เท่า โดยได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 61-62 ลง 26% และ 15% ตามลำดับ เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่จะสูงในช่วงครึ่งปีหลัง 

    บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง เผย หลังการประชุมกับผู้บริหาร ได้ปรับลดประมาณการกำไรปกติลง 14% เพื่อสะท้อนค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น เนื่องจาก TKN อยู่ในช่วงการลงทุน ทั้งการขยายกำลังการผลิตและขยายตลาดต่างประเทศ ทำให้คาดว่ากำไรปกติจะทรงตัวที่ 674 ล้านบาทในปีนี้ แต่จะกลับมาเติบโตโดดเด่นในปีหน้า เป็นผลจากการเก็บเกี่ยวผลของการขยายตลาด การออกสินค้าใหม่ อีกทั้งต้นทุนสาหร่ายลดลง 
    
    แนะนำ ซื้อ โดยปรับไปใช้ราคาเป้าหมายปีหน้า (DCF) ที่ 19.70 บาท 

    "ต้นทุนสาหร่าย" คือปัญหาสำคัญของ TKN ที่ทำให้กำไรสุทธิลดลงในช่วงที่ผ่านมา แม้ยอดขายจะเติบโตได้ตามปกติ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์เริ่มกลับมาคลี่คลายแล้ว แต่การเข้าลงทุนก็ต้องระวังความเสี่ยงจากค่าใช้จ่ายการตลาด ที่อาจกดดันผลงานในครึ่งปีหลังด้วย


s


คุณต้องสมัครสมาชิก ถึงจะโพสกระทู้ได้

สมัครสมาชิก เข้าสู่ระบบ