ยินดีต้อนรับ กรุณา สมัครสมาชิก หรือเข้าสู่ระบบ

Home » หุ้น SSP
เข้าชม : 243

SSP งบ Q1/63 กำไร EPS เติบโต 84.61% YoY ปัจจุบัน SSP มีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 160 MW มิ.ย. 63 รอ COD อีก 34 MW จาก Yamaga

โพสต์เมื่อ: วันพุธ 13 พฤษภาคม 2563  23:21 น.
EPS งบ SSP
 
  Q1 Q2 Q3 Q4 รวม
ปี 2560     0.08 0.07 0.45
ปี 2561 0.12 0.17 0.13 0.11 0.52
ปี 2562 0.13 0.17 0.16 0.13 0.59
ปี 2563 0.24        


------------------------------

SSP โชว์กำไร Q1/63 แตะ 214 ลบ.พุ่ง 75% จ่อ COD โรงไฟฟ้าญี่ปุ่นมิ.ย.นี้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย- -14 พ.ค. 63 10:11 น.

 

SSP เผยไตรมาส 1/63 กำไรสุทธิพุ่ง 75% แตะระดับ 214 ล้านบาท จากกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหนุน แย้มโรงไฟฟ้าญี่ปุ่น 34 เมกะวัตต์ จ่อ COD มิ.ย.นี้ เร็วกว่ากำหนด ดันผลงานครึ่งปีหลังทะยานต่อ พร้อมวางป้า 3-5 ปี มีกำลังผลิตไฟฟ้าแตะ 400 เมกะวัตต์

  นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 92 ล้านบาท หรือร้อยละ 75 จากไตรมาสที่ 1/2562 โดยมีสาเหตุหลักมาจากรายการพิเศษ การบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 51 ล้านบาท แต่หากไม่รวมรายการดังกล่าว SSP มีกำไรจากการดำเนินงานปกติในไตรมาสที่ 1/2563 ที่ 161 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% สร้างสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง

  ผลประกอบการที่ดีขึ้น เนื่องจากมีการรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์ฟาร์มเวียดนามและมองโกเลียรวม 66 เมกะวัตต์ ตลอดจนโรงไฟฟ้าซึ่งเปิดดำเนินการระหว่างปี 2561 ทั้งในไทยและญี่ปุ่นรับรู้รายได้เต็มปี โดยในปัจจุบัน SSP มีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือรวมทั้งสิ้น 160 เมกะวัตต์

  พร้อมกันนี้ บริษัทฯอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมขายไฟ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์โครงการ Yamaga ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิต 34 เมกะวัตต์ เพิ่มอีกภายในเดือน มิ.ย. 2563 นี้ ซึ่งเร็วกว่ากำหนด เมื่อรวมกับการรับรู้รายได้เต็มปีของโซลาร์ฟาร์มเวียดนามและมองโกเลีย จะทำให้ปี 2563 เติบโตอย่างโดดเด่น

  ส่วนแนวโน้มรายได้ในช่วง 3 ปีข้างหน้าคาดยังเติบโตต่อเนื่อง จากการมีโรงไฟฟ้าใหม่ๆเริ่มขายไฟมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเรามีฐานจำนวนโรงไฟฟ้าที่ยังไม่สูง พอโรงไฟฟ้าใหม่ๆเริ่มดำเนินการก็จะมีอัตราเติบโตต่อรายได้และกำไรมาก โรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่จะเข้ามาในรอบ 3 ปีข้างหน้า อาทิ เช่น โรงไฟฟ้าพลังงานลมกำลังการผลิต 48 เมกะวัตต์ ในประเทศเวียดนาม โรงไฟฟ้าพลังงานแสงแดดในญี่ปุ่นอีกสองโรงกำลังการผลิต 26 เมกะวัตต์ และ 22 เมกะวัตต์ ตามลำดับ ทุกโครงการเดินหน้าปกติตามแผนงาน ไม่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดแต่อย่างใด

  "จุดแข็งของ SSP คือ มีความเชี่ยวชาญ เน้นพัฒนาโครงการตั้งแต่ต้น ไม่เน้นการซื้อโครงการที่เสร็จแล้วมาดำเนินการต่อ ซึ่งทำให้ได้ผลตอบแทนในแต่ละโรงไฟฟ้าดีกว่าอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้ปิดโอกาส หากมีโครงการที่ผลตอบแทนดี ความเสี่ยงต่ำก็พร้อมซื้อเช่นกัน"

  ในปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เฟส 2 ในประเทศเวียดนาม และเตรียมเข้าลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อปในประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2563 ทั้งนี้ SSP มีเป้าหมายต้องการมีกำลังการผลิตไฟฟ้า 400 เมกะวัตต์ ภายใน 3-5 ปี ข้างหน้า

------------------------------------

บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) : SSP แนะนำ`ซื้อ` ราคาเหมาะสมที่ 10.5 บาท
ผลประกอบการสวยงาม แต่ราคายัง Laggard


 

      ► บริษัทรายงานรายได้หลักใน 1Q63 ที่ 395 ลบ. เติบโต 8.2%QoQ จากค่าความเข้มแสงในประเทศญี่ปุ่น, ประเทศเวียดนามและประเทศมองโกเลียสูงขึ้น และเติบโตสูง 26.4%YoY จากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนาม (30 MWe) ซึ่ง COD ไปเมื่อเดือน มี.ค. 62 และประเทศมองโกเลีย (11 MWe) ซึ่ง COD ไปเมื่อเดือน ก.ค. 62 ขนาดรวม 41 MWe
  ► GPM ใน 1Q63 อยู่ที่ 65.0% ปรับตัวสูงขึ้นจาก 62.4% ใน 4Q62 แต่ลดลงจาก 69.9% ใน 1Q62 เนื่องจากลักษณะการรับรู้รายได้ค่าไฟของโครงการใหม่ๆอยู่ในรูปแบบ FiT แทน Adder
  ► ด้านค่าใช้จ่าย SG&A ใน 1Q63 อยู่ที่ 40 ลบ. ลดลงเล็กน้อยจาก 46 ลบ. ใน 4Q62 เนื่องจากมีการคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น แต่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 35 ลบ. ใน 1Q62 เนื่องจากมีการดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการเพิ่ม ขณะที่ภาระดอกเบี้ยจ่ายมากขึ้นเป็น 62 ลบ. (+14.0%QoQ, +34.0%YoY) เพื่อเป็นการลงทุนในโครงการใหม่ๆ
  ► กำไรสุทธิของ SSP ใน 1Q63 อยู่ที่ 217 ลบ. (+84.5%QoQ, +74.9%YoY) อย่างไรก็ตาม มีการบันทึก FX Gain จากการที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าอีกราว 51 ลบ. ส่งผลกำไรปกติใน 1Q63 อยู่ที่ 166 ลบ. (+23.6%QoQ, +27.9%YoY) ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 18.9% ของประมาณการกำไรปกติทั้งปี

Our Take :
  ► แนวโน้มกำไรปกติใน 2Q63 คาดจะเติบโตทั้ง QoQ และ YoY ได้แรงหนุนจากมีกำลังการผลิตใหม่ที่เข้ามาและเข้าสู่ช่วง High season ของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยและประเทศเวียดนาม
  ► เรายังคงประมาณกำไรปกติในปี 2563 ที่ 877 ลบ. (+43.1YoY) ทำระดับสูงสุดใหม่ โดยได้รับปัจจัยหนุนจาก
1) รับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศเวียดนามและมองโกเลียเต็มปี ขนาดรวม 41 MWe และ
2) เริ่มรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการ Yamaga ขนาด 27 MWe คาดจะ COD ภายในเดือน มิ.ย. 63 ทำให้กำลังการผลิตทั้งปี 2563 ของ SSP เพิ่มขึ้นเป็น 139 MWe จาก 112 MWe ในปี 2562 หรือคิดเป็น +24.1%YoY
  ► ยังคงราคาเหมาะสมปี 2563 ที่ 10.5 บาทต่อหุ้น มี Upside gain สูงถึง 47.9% จึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ปัจจุบัน ซื้อขายอยู่บน PER63 ต่ำเพียง 7.5x และมี Upside จากโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่ประเทศเวียดนาม ขนาด 48 MW ที่เรายังไม่รวมไว้ในประมาณการ


s


คุณต้องสมัครสมาชิก ถึงจะโพสกระทู้ได้

สมัครสมาชิก เข้าสู่ระบบ