BAM ยังมีอะไรน่าสนใจ ... นอกจากกำไรพิเศษ?
20 พฤศจิกายน 2563 | 13:50
BAM กลายเป็นหุ้นที่นักลงทุนไม่ให้ความสนใจนักในช่วงนี้ หากเทียบกับหุ้นกลุ่มเดียวกัน เพราะด้วยงบไตรมาส 3/63 ที่ออกมา หดตัวถึง -66.15% YoY แถมไม่มีบันทึกกำไร DTA อย่างที่หวังเข้ามา ... แต่ BAM ก็ยังมีอะไรน่าสนใจรออยู่เหมือนกัน แต่จะเป็นอะไรต้องติดตาม!
*** ราคาหุ้นเริ่มฟื้น หลังเจอกระหน่ำขายหลังประกาศงบ
ราคาหุ้น บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM วันนี้ เริ่มกลับมาฟื้นตัวโดยทำจุดสูงสุดรอบเช้าไปที่ 21.80 บาท และปิดตลาดรอบเช้าไปที่ 21.60 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ +1.41%
ก่อนหน้านี้ BAM เจอถล่มขายมาตั้งแต่เดือนส.ค.63 ซึ่งขณะนั้นราคาหุ้นอยู่ที่ 24.8 บาท ก่อนที่จะปรับตัวลดลง แม้ช่วงต้นเดือนต.ค.63 ราคาหุ้นจะบวกไปได้บ้าง แต่หลังจากประกาศงบไตรมาส 3/63 ออกมาราคาหุ้นก็ร่วงแรงทันที
โดยในไตรมาส 3/63 มีกำไรสุทธิอยู่ที่เพียง 298 ล้านบาท ลดลงถึง 66.15% จากช่วงเดียวกันปีก่อน(YoY) แต่ก็ถือว่าโตแรงถึง +120% จากไตรมาสก่อนหน้า(QoQ)ที่ทำได้เพียง 135.66 ล้านบาท จากกำไรจากการให้สินเชื่อ NPL ที่ลดลง -32.1% QoQ คาดเป็นผลจากราคาปิดประมูลที่กรมบังคับคดีที่ต่ำกว่าปกติในช่วงที่ ศก. ไม่ดี
นอกจากนี้ BAM ยังไม่มีการรับรู้รายการพิเศษจากผลประโยชน์ภาษีเงินได้รอการตัดบัญชีจำนวน 4,950 ล้านบาท เข้ามาในงบกำไรขาดทุน
*** บอกก่อนว่า โอกาสที่จะบันทึกกำไรพิเศษอาจต่ำลง...
นักลงทุนที่เข้าลงทุน BAM แน่นอนว่าย่อมหวัง การบันทึกกำไรพิเศษ แต่โอกาสที่จะบันทึกในกำไรขาดทุนอาจต่ำลงแล้ว โดยที่บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ทรีนีตี้ ระบุ สำหรับเตรียมบันทึกกำไรพิเศษจากรายการภาษีสินทรัพย์ล่วงหน้า (Deferred tax asset หรือ DTA)
ที่ปัจจุบันเหลือรอรับรู้ราว 4.95 พันล้านบาทนั้น ณ ไตรมาส 3/63 นั้น (เกิดขึ้นจากผลต่างด้านบัญชีและภาษีอากรในอดีต) บริษัทยังต้องคุยกับทางผู้สอบบัญชีซึ่งมีความเห็นว่าควรนำไปบันทึกโดยตรงผ่านกำไรสะสม (งบดุล) ซึ่งไม่ผ่านงบกำไรขาดทุน และมีความเป็นไปได้ที่จะบันทึกไม่ทันภายในปี 63 นี้ อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวไม่ได้อยู่ในประมาณการของเราตั้งแต่ต้น
*** BAM เหลืออะไรที่น่าสนใจบ้าง ?
กำไรไตรมาส 3/63 วูบ แถม DTA อาจถูกนำไปบันทึกโดยตรงในงบดุล คำถามคือ BAM ยังมีอะไรน่าสนใจอยู่ไหม ?
1.แนวโน้ม 4/63 เห็นสัญญาณเชิงบวก QoQ ชัดเจน : บล.หยวนต้า ระบุว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/63 เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวก QoQ ชัดเจน โดยยอดขายทรัพย์สินรอการขาย(NPA) ที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง หลังใช้กลยุทธ์ด้านราคาเพื่อเร่งระบายสต็อก NPA บวกกับการทำตลาดทั้ง Online และ Offline แบบเชิงรุกมากขึ้น
ขณะที่กำไรจากหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) คาดปรับตัวดีขึ้น หลังลูกหนี้ปรับโครงสร้างกลับมาชำระเงินตามปกติ บวกกับรับรู้รายการหนี้ NPL ที่ล้าช้ามาจากไตรมาส 2/63 และ 3/63 โดยจะมีการบันทึกรายได้จากลูกหนี้ในกลุ่ม Mid-Big Ticket เข้ามาราว 550 ล้านบาท
2.ไม่ต้องห่วงเรื่องการจ่ายปันผล : เพราะ BAM จะพยายามรักษาผลตอบแทนของนักลงทุนให้เหมาะสม โดยแม้ EPS ปีนี้จะออกมาแย่กว่าคาด แต่บริษัทอาจพิจารณาจ่าย Payout Ratio สูงกว่า 100% (จ่ายเพิ่มจากกำไรสะสม)
3.ปี 64 จะฟื้นตัวชัดเจน : บล.เอเซีย พลัส ประเมินว่ากำไรสุทธิในปี 63 จะลดลงถึง -69.3% YoY เพราะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กดดันรายได้ดอกเบี้ยรับและการขายสินทรัพย์ทั้ง NPLs และ NPAs ลดลง
แต่ในปี 64 คาดกำไรสุทธิจะกลับมาโตแรง +60.2% YoY จากแนวโน้มเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัว หนุนให้แนวโน้มรายได้ดอกเบี้ยรับและการขายสินทรัพย์ฟื้นตัว
*** ระยะยาวมีอะไรน่าสนใจ
นายบรรยง วิเศษมงคลชัย ประธานคณะกรรมการบริหาร BAM ระบุว่าในช่วง 5 ปี (64 - 68) บริษัทวางแผนต่อยอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบอื่นๆ เพื่อสร้างรายได้ในธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ และ สร้างรายได้ประจำ โดยจะเป็นลักษณะการร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนั้นๆ
ล่าสุดอยู่ระหว่าง เจรจากับพันธมิตรกลุ่มโรงพยาบาลเพื่อร่วมทุนทำธุรกิจเกี่ยวกับบ้านผู้สูงอายุ โครงการ The De Val จังหวัดนครนายก โดยบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนในส่วนของที่ดิน และ สิ่งปลูกสร้าง ซึ่งเป็นทรัพย์ของบริษัทอยู่แล้ว และ พันธมิตรจะนำมาความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการบริการทางการแพทย์เข้ามาเสริมในการบริหารโครงการ The De Val มุ่งโอกาสเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่นิยมเดินทางเข้ามาพักผ่อน โดยเฉพาะชาวต่างชาติที่อยู่ในวันเกษียณที่ส่วนใหญ่ชอบการเดินทางเข้ามาพักอาศัยในประเทศไทยค่อนข้างนาน จึงเป็นโอกาสในการสร้างมูลค่าทรัพย์เพื่อสร้างรายได้ในระยะยาว
*** มาลองดูประมาณการกำไรปี 63 - 64 และราคาเหมาะสม
นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองกันว่า BAM ควรจะเป็นหุ้นสำหรับการลงทุนระยะยาวอยู่ ตามแนวโน้มการฟื้นตัว โดยนักวิเคราะห์มองกำไรสุทธิปี 64 และราคาเหมาะสมไว้ดังนี้
บล. |
กำไรสุทธิ(ลบ.) |
คำแนะนำ |
ราคาเหมาะสม(บ.) |
ปี 63 |
ปี 64 |
บัวหลวง |
2,401 |
2,837 |
ซื้อ |
24.20 |
เอเซีย พลัส |
2,010 |
3,219 |
ซื้อ |
26 |
หยวนต้า |
1,716 |
2,690 |
ซื้อ |
26.10 |
หากนักลงทุนยังสนใจในหุ้น BAM อาจต้องมองไปที่ระยะยาวมากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าปี 63 เจอทั้งโควิด-19 และการแข่งขันสูง ส่วนปี 64 ถึงจะฟื้นก็ถือว่าไม่ได้กลับมาทำได้ดีเท่าก่อนโควิดนัก แต่ในระยะยาวด้วยความที่บริษัทมีขนาดใหญ่ และแผนการร่วมทุนในธุรกิจอื่นโดยการนำ NPA มาต่อยอดน่าสนใจอยู่เหมือนกันว่าจะพาให้ BAM ไปได้แค่ไหน ?